วันพุธที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ใครจะดูแลเราเมื่อยู่ที่ America

เอเจนซี่ที่อเมริกาของน้องๆ เองที่เป็นคนที่จะดูแล
ละช่วยเหลือน้องๆ ทุกอย่าง ทุกเรื่องค่ะ

ฉะนั้นเมื่อเกิดปัญหาไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่เราต้องคอยปรึกษา
และแจ้งเค้าตลอดนะคะ เพราะเมื่อถึงเวลาที่มีปัญหานั้น






เอเจนซี่จะเป็นเสมือนผู้ปกครองหรือคุณพ่อ คุณแม่คนที่สองของเราค่ะ

การทำ Social Card สำหรับน้องๆที่เข้าร่วมโครงการ


การทำ Social Card นั้นโดยปกติแล้วนายจ้างจะเป็นคนพาไปทำภายในสองอาทิตย์ค่ะ แต่ถ้าหากนายจ้างไม่ว่าง นายจ้างจะต้องแนะนำที่ที่เราสามารถทำ Social Card ได้ แล้วให้เรารวมกลุ่มไปทำกับเพื่อนๆ เองค่ะ ถ้าหากครบสองอาทิตย์แล้วยังไม่ได้ทำ ให้น้องๆ สอบถามทางนายจ้างได้เลยนะคะ ว่าจะพาไปหรือจะให้ไปทำเอง เพราะนายจ้างบางที่มีงานมาก นายจ้างอาจจะหลงลืมได้ ดังนั้นเราต้องเป็นคนถามเค้าเพราะ Social Card เป็นสิ่งสำคัญมากในการทำงาน หากน้องๆ คนไหนไม่ได้ทำ Social Card แล้ว น้องๆก็ไม่สารถหางานที่สอง หรือ สาม ได้

เอกสารที่ต้องใช้ในการทำ Social Card ประกอบไปด้วย Passport, DS2019, Letter from Agency at America และการเข้าไปออนไลน์ข้อมูลการมาถึงและการเข้าอเมริกาในเวปไซต์ของเอเจนซี่ที่อเมริกาของน้องๆ เองด้วยนะคะ เพราะถึงแม้เอกสารจะครบแต่น้องๆ ยังไม่ได้ออนไลน์การเข้าแระเทศ เมื่อเค้าตรวจสอบระบบจะไม่มีข้อมูลการเข้าประเทศของเรา จึงไม่สามารถทำ Social Card ได้นะคะ

เมื่อไม่สบายตอนไป Work and Travel จะทำยังไง


ในกรณีที่น้องๆไม่สบายหรือต้องได้รับการรักษาหรือต้องเข้าโรงพยาบาล ปกติแล้วน้องๆจะได้รับการทำประกันจากทางเอเจนซี่อยู่แล้ว โดยบางเอเจนซี่ก้อจะมีบัตรหรือข้อมูลติดต่อกับบริษัทประกันที่นู่นให้น้องๆค่ะ เมื่อน้องๆต้องเข้าโรงพยาบาลหรือต้องได้รับการรักษาน้องจะต้องติดต่อกับทางบริษัทประกันโดยตรงเพื่อแจ้งเค้าว่าเราได้เข้ามารักษาที่ไหนยังไง แต่การรับการรักษาจะมีเงื่อนไขอยู่ว่า น้องๆ จะได้รับอะไรบ้างจาก Hand Book ที่เอเจนซี่ให้ตอนก่อนเดินทางอยู่แล้ว

น้องๆสามารถเข้าไปดูในเวปไซต์ของทางบริษัทประกันค่ะ และช่วงที่น้องๆติดต่อกับบริษัทประกัน น้องๆ ต้องมีการแจ้งให้ทางเอเจนซี่ที่อเมริกาทราบตลอดเวลา ว่าเรามารักษาวันไหน ยังไง คือต้องรายงานเค้าตลอดค่ะ  เนื่องจากว่าเอเจนซี่ที่เอมริกาเป็นเสมือนพ่อ แม่คนที่สองของเรา ที่มีหน้าที่ดูแลเราทุกอย่าง ไม่ว่าเราจะมีปัญหาอะไร มากหรือน้อยแค่ไหน เราต้องรายงานให้เค้าทราบนะคะ เพราะเค้าจะเป็นคนที่แก้ไขปัญหาและช่วยเหลือเราทุกอย่างค่ะ

วันอังคารที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2554

Work and Travel โครงการ พาเด็กนักศึกษาไปตาย

หลายๆกระแสที่มีต่อโครงการนั้น มีทั้งทางลบและทางบวก และกระแสที่เป็นข่าวร้อนที่สุดในปี 2011 นี้ก็คงหนีไม่พ้นข่าวของน้องกาว นักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งได้เข้าร่วมโครงการและเสียชีวิตจากโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ซึ่งทาง PST Center หนึ่งในเอเจนซี่ของโครงการนี้ ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวและคนที่รักน้องกาวมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ


อีกหลายๆ กระแสของน้องๆ รุ่นก่อนที่เกิดอุบัติเหตุระหว่างการทำงาน จึงทำให้ทั้งผู้ปกครองและน้องๆ เองมีความรู้สึกว่า โครงการ Work and Travel เป็นโครงการที่พานักศึกษาไปตาย ซึ่งฟังดูค่อนข้างจะรุนแรง แต่ทั้งนี้ก็มีหลายปัจจัยและหลายสาเหตุนะคะ มองในด้านนักศึกษาคือ น้องๆ อาจอยากจะไปโครงการนี้มาก จนต้องปิดบังข้อมูลเกี่ยวกับโรคประจำตัว ประวัติการรักษา ซึ่งต้องขอบอกก่อนนะคะว่า เป็นสิ่งที่เสี่ยงมาก เพราะถ้าน้องๆ เดินทางไปทำงานที่อเมริกาโดยที่น้องอาจจะเป็นโรคแพ้อากาศ หรือสารเคมี หรือบางคนอาจจะแพ้อาหารบางชนิด และต้องไปเจอ สิ่งเหล่านี้โดยเลี่ยงไม่ได้ อันตรายก็จะเกิดกับตัวน้องๆ เอง บางคนอาจถึงขั้นเสียชีวิต ดังนั้น ในการสมัครเข้าร่วมโครงการ น้องๆ ควรให้ข้อมูลที่เป็นจริง และครบถ้วน เพราะจะเป็นการช่วยให้น้องๆ ไม่ต้องไปประสบกับสิ่งที่ทำให้เกิดอันตรายกับเราได้

ด้านเอเจนซี่ บางเอเจนซี่ก็ละเลยที่จะสอบถามข้อมูลหรือให้คำแนะนำ น้องๆ ในการดูแลตัวเอง พร้อมทั้งเรื่องของสิทธิ์ประกันสุขภาพที่น้องได้รับ อีกอย่างการให้คำแนะนำเรื่องงานจะเป็นอีกทางหนึ่งที่จะรู้ได้ว่าน้องๆ คนไหนแพ้ หรือ ไม่สามารถทำงานไหนได้ เพราะอาจเกิดอันตรายกับตัวน้องๆ เอง ดังนั้นทางเอเจนซี่เองก็ต้องสอบถามข้อมูลจากน้องๆ อย่างละเอียดก่อนจะแนะนำงานหรือให้น้องๆ เลือกงานด้วยเช่นกัน

วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ไป Work กับ PST ดีไหม???


บริษัท PST Center เป็นบริษัทที่น้องให้ความสนใจในการเข้าร่วมโครงการอีกบริษัทหนึ่ง เช่นกันแต่ละบริษัทก็จะมีน้องๆ ที่เคยไปมา แต่ละคนก็ได้รับประสบการณ์จากบริษัทนั้นๆ มาต่างกัน ขึ้นอยู่กับมุมมองของน้องๆ

เช่นกัน PST Center เป็นบริษัทที่น้องๆ หลายคนมีความประทับในทั้งในการบริการ การให้คำปรึกษา การดูแลและการช่วยเหลือเท่าที่จะทำด้วย ที่นี่น้องๆจะรู้สึกว่าเป็นกันเอง มีความจริงใจ บริษัท PST Center มี 2 สาขาคือที่เชียงใหม่และกรุงเทพ การให้บริการและข้อมูล รวมถึงงานก็จะเป็นแบบเดียวกัน แต่สิ่งที่ทางบริษัทให้ความสำคัญมากคือการบริการ  การให้ข้อมูลที่เป็นจริง การให้คำปรึกษาน้องๆ เกี่ยวกับงาน และการใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกา เรามีการติดตามข่าวคราวของน้องๆอยู่ตลอดเวลา
ดังนั้นทั้งน้องและผู้ปกครองก็จะมีความไว้วางใจที่จะเลือก PST Center เป็นบริษัทในการเข้าร่วมโครงการอีกบริษัทหนึ่ง

ไป Work and Travel คุ้มจริงเหรอ???

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนนะคะ  วัตถุประสงค์ในการเข้าร่วมโครงการ คือเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนนักศึกษาระหว่างประเทศอเมริกากับหลายๆ ประเทศ ในด้าน วัฒนธรรม ภาษา  ประสบการณ์ การดำรงชีวิตของนักศึกษาแต่ละประเทศ  ดังนั้น การทำงานเป็นการช่วยให้น้องๆ มีรายได้ระหว่างที่อยู่อเมริกาและการเที่ยวเป็นการให้น้องๆ ได้พักผ่อนและได้ใช้ชีวิตไปในรัฐต่างๆ ซึ่งจะทำให้น้องๆ ได้เจอผู้คนมากมาย  การทีน้องๆ เข้าร่วมโครงการเป็นสิ่งที่คุ้มค่าและเป็นกำไรชีวิตของน้องๆ ในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยในต่างแดน แต่ถ้าหมายถึง รายได้นั้น น้องๆ หลายคนอาจมองแค่ว่าไปโครงการ Work and Travel นั้น เป็นการไปทำงานหาเงินช่วงปิดเทอม ซึ่งค่อนข้างจะเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะอย่างที่บอกการทำงานเป็นการทำให้น้องๆ มีรายได้ระหว่างที่อยู่ที่อเมริกา ไม่ว่าน้องๆ จะได้เงินกลับมามากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับการจัดการกับค่าใช้จ่ายของน้องๆ เอง  การที่น้องๆ ได้เงินมาน้อยหรือแทบจะไม่เหลือมาเลยไม่ได้หมายความว่าน้องๆ ขาดทุนหรือคุ้มไม่คุ้มกับการเข้าร่วมโครงการ แต่สิ่งที่น้องได้คือ ประสบการณ์ ภาษา วัฒนธรรมของเพื่อนๆ ต่างชาติ ได้เพื่อนใหม่ ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตด้วยตัวเอง การหาเงินด้วยตัวเอง การจัดการชีวิตของตัวเองเมื่อเราไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ หรือมีพ่อแม่คอยดูแลตลอดเวลา สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่เรียกว่าคุ้มเกินคุ้มกับชีวิตของน้องๆ นะคะ การกลับมาจากโครงการสิ่งที่ถือว่าบรรลุเป้าหมายของโครงการคือการที่น้องๆ ได้ประสบการณ์ต่างๆ กลับมา ไม่ได้วัดที่เม็ดเงิน  อีกอย่าง ยิ่งน้องๆ คนไหนสามารถหางานที่ 2,3 หรือมากกว่านั้นได้นั้นก็ถือว่าเป็นกำไรและความสามารถของน้องเองนะคะ ถ้าหากน้องคนไหนเคยมองว่าการเข้าร่วมโครงการ Work and Travel คือการไปหาเงินแล้วต้องได้กำไรมานั้น พี่ขอให้คิดใหม่นะคะ เม็ดเงินที่เราได้เป็นเพียงผลพลอยได้เท่านั้นค่ะ

งานสวนสนุก Six flags ดีจริงเหรอ????


งาน สวนสนุก เป็นอีกงานที่น้องหลายๆ คนอยากไปเพราะในสวนสนุกไม่ได้มีแค่งานจำหน่ายตั๋ว งานคุมเครื่องเล่นเท่านั้น ยังมีงาน จำพวกร้านอาหาร ขายขนม เครื่องดื่ม รวมถึงขายของที่ระลึกด้วย ในการทำงานก็จะเป็นแบบทำงานประจำหน้าที่ ทำงานเป็นกะ มีความอดทน สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดีสามารถแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ เป็นคนที่มีความรอบคอบสูง เพราะงานบางงาน อย่างเช่น งานคุมเครื่องเล่น ต้องใช้ความระมัดระวังสูงมาก อาจเกิดอันตรายได้ตลอด ถ้าเราไม่ระวังเราอาจได้รับอันตรายได้ง่าย นะคะ แต่การที่ได้เจอผู้คนมากๆ การได้ฝึกภาษา และได้สวัสดิการในการเล่นเครื่องเล่นฟรีหรือในราคาพนักงานนั้น ทำให้น้องๆ หลายคนอยากไปงานนี้มากค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2554

Food Lion Supermarket

อยากทำงาน ซุปเปอร์มาร์เก็ต Food Lion - Supermarket

 สำหรับน้องๆที่อยากทำงานSupermarket หรือ Retail Store นั้น Food Lion ถือว่าเป็นงานหนึ่งที่น่าสนใจเลยทีเดียว ซึ่ง Food Lion นี้เป็นงานประเภทSupermarket ค่ะ ลักษณะก็จะคล้ายๆกับ โลตัส บิ๊กซี คาร์ฟูร์ และจะมีสาขาอยู่ตามเมืองต่างๆส่วนใหญ่แล้วจะมีสาขามากที่รัฐ North Carolina, South Carolina หน้าที่ส่วนมากที่น้องไปทำคือ Cashier, Stocker, Deli, Grocery โดยทั่วไปงานที่นี่จะเป็นงานแบบ Rotate คืองานที่ได้ทำทุกหน้าที่เวียนกันไป  สำหรับน้องๆ ที่เคยทำที่นี่มาก็มักจะบอกว่างานที่นี่สนุกดี นายจ้างน่ารัก เพื่อนๆ ร่วมงานน่ารัก คือน้องๆ มีความสุขกับงานที่นี่ และน้องๆ หลายคนที่ไปแล้วก็กลับไปทำอีกค่ะกับงานนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ Food Lion ได้รับความสนใจจากน้องๆก็คือ เป็นงานที่ได้ค่าจ้างสูงเมื่อเทียบกับงานประเภทอื่นๆและมีโบนัสพิเศษ 400 เหรียญให้สำหรับน้องๆที่ทำงานจนถึงระยะเวลาที่Food Lion กำหนดก็คือประมาณต้นเดือนมิถุนายน และทาง Food Lion ยังมีการจัดอบรมน้องที่อเมริกาโดยรวมทุกสาที่เมือง Elizabeth City เป็นประจำทุกปี ทำให้น้องๆได้มีโอกาสพบปะเพื่อนจากหลายๆประเทศด้วยกัน ส่วนน้องๆ ที่อยากไปต้องสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ในระดับสามารถตอบโต้กับหัวหน้างาน เพื่อนร่วมงานและลูกค้าได้นะคะ แต่ไม่ต้องถึงกับเก่งมากก็ได้ค่ะ อีกอย่างคือน้องๆ จะต้องเป็นคนที่มีความอดทน สามารถทำงานเป็นกะได้  และแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าได้ดีด้วยค่ะ

จะไป Work กับบริษัทไหนดี หรือ เลือกงานที่รัฐไหนดี


การเลือกงานนั้น น้องๆ ต้องดูด้วยนะคะว่าเหมาะกับเรามั้ย ระดับภาษาเราพอไปได้กับงานนั้นหรือเปล่าหรืองานบางงานต้องสัมผัสกับสิ่งที่เราแพ้หรือเป็นอันตรายกับเราหรือเปล่า เพราะบางรัฐ อากาศอาจจะไม่เหมาะกับเราหรือเราอาจจะไม่ชอบก็ได้

การเลือกบริษัทที่เราจะไปด้วยนั้น เราต้องดูว่าเอเจนซี่ไหนมีข้อมูลเกี่ยวกับงานที่น่าเชื่อถือ ไม่เพียงแต่ว่ามีงานให้เราแต่ไม่ได้ให้คำแนะนำงานให้เราเลย การให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกงานให้กับน้องๆ เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะเอเจนซี่เองจะรู้ว่าน้องคนไหนเหมาะกับงานยังไง ที่รัฐและสภาพอากาศยังไงค่ะ ถ้าเอเจนซี่ไหนที่ให้น้องเลือกงานเพียงอย่างเดียวโดยไม่มีการให้คำปรึกษา นั่นแสดงว่าเอเจนซี่นั้นไม่ได้ใส่ใจเรื่องของความเหมาะสมของงานกับตัวน้องๆ เลย เพราะ เมื่อเกิดปัญหาแล้ว บางที่การย้ายงานกะเกิดขึ้น แล้วบางที่ไม่สามารถย้ายงานได้

น้องๆ ก็จะลำบากใจและเสียความรู้สึกภายหลังนะคะ เพราะฉะนั้น เมื่อเราเกิดคำถามเกี่ยวกับงาน ควรจะขอคำแนะนำจากเอเจนซี่ด้วยนะคะ เพื่อประโยชน์ต่อตัวเราเองค่ะ

การจองโรงแรมราาคาถูก



การจองโรงแรมของน้องๆ ในอเมริกา อาจจะจองเพื่อเป็นที่พักสำหรับน้องๆ เองหรือ จองช่วงที่เราไปเที่ยวก็สามารถจองได้กับบริษัทตั๋ว เพราะส่วนมาก แพ็คเกจตั๋วกับโรงแรมที่มาด้วยกันจะมีราคาที่ถูก  บางเอเจนซี่เมื่อเราสมัครสมาชิกกับเค้า แล้วอาจจะมีโรงแรมแถมมาให้ด้วยเลยก็ได้ค่ะ

ตั๋วบินไปอเมริกาสำหรับนักเรียน

หาตั๋วนักเรียนไปอเมริกา ราคาถูก

น้องๆ ที่ต้องการหาตั๋วเอง ก็สามารถหาได้โดยการ Search หาทาง Google โดยซื้อได้ในราคาตั๋วนักเรียนนักศึกษา ซึ่งจะมีราคาที่ถูก หรือเราอาจใช้วิธีสมัครสมาชิกกับเอเจนซี่ที่จำหน่ายตั๋วก็ได้ เพื่อที่เราจะได้ตั๋วในราคาถูก อีกอย่างเราอาจจะได้รับแพ็คเกจพิเศษต่างๆ ที่ทางเอเจนซี่ตั๋วเค้าจัดให้ด้วยนะคะ ในการเลือกซื้อตั๋วน้องๆ สามารถหาซื้อเองหรือซื้อกับทางเอเจนซี่โครงการ Work and Travel ของน้องๆ เองได้ค่ะ

วันพุธที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2554

งานดีๆในอเมริกา ใครเคยไปทำงาน Mcdonalds ที่อเมริกาบ้าง


ภาพตัวอย่างจากน้องๆกับความสุขในที่ทำงานค่ะ

งานที่น้องๆ ส่วนมากไปทำกันก็จะเป็น  McDonalds, Wendy, Dunkin Donut, Wal-Mart, Supermarket, Hotel, Restaurant, Retail shop,  cosmetic shop, Casino, Pub and Restaurant,  Park,  Garden, Cleaning Company, Sale etc. งานแต่ละงานก็จะมีการระบุคุณสมบัติของแต่ละงาน เช่น ระดับภาษา, บุคลิก, และ เพศ เป็นต้น
เราสามารถสอบถามเอเจนซี่และขอคำแนะนำเพื่อใช้ในการตัดสินใจเลือกงานได้ค่ะ เพราะเอเจนซี่จะรู้ว่าน้องคนไหนน่าจะเหมาะกับงานมากกว่า เพื่อน้องๆ จะได้ไม่มีปัญหาในการทำงาน และได้งานที่เหมาะกับเราด้วยค่ะ

SEVIS คืออะไร และ SEVIS สำคัญอย่างไร

SEVIS หรือ I-901 เป็นเอกสารที่ออกโดยเอเจนซี่ทางอเมริกา โดยจะมีข้อมูลของเรา เช่น ชื่อ นามสกุลตามPassport วัน เดือน ปีเกิด SEVIS No. หรือ เลข DS2019 และ หมายเลขของเอเจนซี่ของเราที่อเมริกาด้วย เป็นต้น

ทาง PST สามารถแนะนำสิ่งที่ดีให้กับน้องๆที่สนใจจะเข้าร่วม
โครงการ Work and Travel ทั้งเรื่องของ J-1 Visa และ
เอกสารอื่นๆที่จำเป็นนะคะ


ทั้งนี้ เพื่อเป็นการแสดงว่าเราได้ซื้อประเภทวีซ่าเพื่อใช้ในการสัมภาษณ์ เช่น น้องๆ ที่ไปในนามของ Work and Travel น้องๆก็จะได้วีซ่าประเภท J-1 ค่ะ

ดังนั้น ถ้าเราไม่มีใบนี้เราก็ไม่สามารถสัมภาษณ์วีซ่าได้ เพราะเราไม่ได้ซื้อประเภทวีซ่านั่นเอง

ทำอย่างไรให้ VISA J-1 ผ่านฉลุย

น้องๆที่ได้รับ J-1 Visa สามารถท่องเที่ยวได้ทั้งช่วงเวลาที่
ว่างจากการทำงาน และหลังจากระยะเวลาการทำงานสามเดือน
สิ้นสุดลงค่ะ
น้องๆหลายคนคงสงสัยว่า J-1 Visa คืออะไรและทำยังไง J-1 VISA นั้นผ่านฉลุย วันนี้พี่เลยมาบอกน้องๆเกี่ยวกับ Visa นี้ ซึ่งมีความจำเป็นมากสำหรับน้องๆทุกคนค่ะ

Visa ที่มีชื่อว่า J-1 นี้เป็น Visa สำหรับน้องๆนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ โดย Visa ดังกล่าวสามารถทำให้น้องๆสามาถทำงานได้ในอเมริการะยะเวลาสูงสุด 3 เดือน และท่องเที่ยว 1 เดือน...ทั้งนี้น้องๆที่จะสามารถได้ Visa ดังกล่าวจะต้องมีสภาพเป็นนักศึกษาและมีช่วงอายุอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดเท่านั้นค่ะ และทั้งนี้การจะขอ Visa ตัวนี้จำเป็นต้องมีการสัมภาษณ์ซึ่งพี่ก็ได้แยกเป็นข้อๆตามที่ระบุด้านล่างนี้นะคะ

1. การแต่งตัว...น้องๆ จะต้องแต่งตัวให้เรียบร้อย ซึ่งชุดที่เหมาะสมที่สุดคือชุกนักศึกษาค่ะ

2. ข้อมูล...น้องๆ ต้องทราบข้อมูลของงานรวมถึงเมืองและรัฐที่จะไปเพื่อเอาไว้ตอบคำถามตอนช่วงที่ต้องไปสัมภาษณ์ที่กงศุล

3. เอกสารในการสัมภาษณ์....น้องๆต้องเช็คและเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนไม่ขาดแม้แต่อย่างเดียว รวมถึงความถูกต้องของข้อมูลในเอกสารทุกอย่าง เพื่อป้องกันการเสียเวลาในการสัมภาษณ์ เพราะหากเกิดการผิดพลาดเกิดขึ้น น้องๆจะต้องเข้าไปนัดวันสัมภาษณ์ใหม่ ต้องซื้อPINใหม่ ต้องซื้อวีซ่าใหม่ ต้องเข้าไปทำเอกสารใหม่ และต้องมาสัมภาษณ์ใหม่ การผิดพลาดนี้หมายถึงการมาสัมภาษณ์ด้วยเช่น มีสัมภาษณ์ 8.30 น. แต่เราดูเวลาผิด แล้วมา 11 โมงหรือ บ่ายโมง ทางสถานทูตจะไม่อนุญาตให้เข้าไปอย่างเด็ดขาด ดังนั้นเราต้องไปรอก่อนเวลาสัมภาษณ์อย่างน้อย 1 ชั่วโมงค่ะ

ดังนั้น หวังว่าน้องๆทุกคนจะเข้าใจและหากมีข้อสงสัยสามารถโทรมาสอบถามได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-6110520 ตลอดเวลาทำการ จันทร์-เสาร์ค่ะ

น้องๆสามารถเก็บเกี่ยวประสบการณ์สุด Cool!!! แบบนี้ได้เพียงเข้าร่วมโครงการกับ PST Center







สิ่งที่ควรและไม่สมควรปฏิบัติในช่วงเวลาที่เข้าร่วมโครงการ

วันนี้พี่ได้รวบรวมข้อมูลดีดีเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำ และไม่ควรทำขณะที่น้องๆอยู่ที่อเมริกามาให้นะคะ เพราะว่าทั้งนี้ เพื่อให้น้องๆทุกคนสามารถนำไปปฏิบัติได้ และป้องกันสิ่งที่อาจทำให้เกิดการผิดพลาดได้ค่ะ

ภาพจากน้องๆที่ได้เข้าร่วมโครงการ Work and Travel กับเราค่ะ
น้องๆทุกคนได้เพื่อนๆที่น่ารักมาก อีกทั้งน้องๆที่มากันเป็นกลุ่ม
ก็สามารถไปกับเพื่อนๆได้สูงสุด 4 คนต่อหนึ่งกลุ่มค่ะ


  • ไม่ทำผิดกฎหมายของอเมริกาทุกรณี น้องต้องรู้อย่างนึงนะคะว่า กฎหมายบ้านเค้าถ้าเรื่องถึงตำรวจจะเป็นเรื่องใหญ่หมดเลยค่ะ  ซึ่งนั่นหมายถึงอาจต้องขึ้นศาล แล้วเราก็จะติดแบล็คลีสของที่นู่นได้ เป็นผลให้เราไม่สามารถเข้าอเมริกาได้อีกเลย  ไม่ทำผิดกฎหมายคืออะไร เช่น แอบทำงานเมื่อวีซ่าหมด (ในกรณีนี้น้องๆ สามารถคุยกับนายจ้างได้ค่ะ แต่อย่าแอบทำเองนะคะ), ไปเที่ยวสถานที่ๆ มีการกำหนดอายุ , ขับรถเกินกำหนดความเร็วที่เค้ากำหนดไว้,  ใบอนุญาตขับขี่, ไม่ข้ามทางม้าลาย, มีเรื่องชกต่อย ทะเลาะวิวาท เป็นต้น เอาเป็นว่ากฏหมายบ้านเค้าแรงกว่าบ้านมากๆค่ะ

  • การจะไปไหน ควรจะมีเพื่อนๆ ที่เราไว้ใจได้ไปด้วยเสมอ ถึงเราจะเคยไปต่างประเทศหรือเคยไปอเมริกามาก่อนแล้ว แต่ความปลอดภัยของเราก็ต้องสำคัญอยู่เสมอ เพราะเราไม่รู้ว่าต่างบ้านต่างเมือง มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เวลาไหน ดังนั้นปลอกภัยไว้ก่อนนะคะ

  • หลีกเลี่ยงสถานที่ที่ล่อแหลม อันตรายและเสี่ยงอันตราย โดยเฉพาะน้องผู้หญิงนะคะ  เรื่องของอาชญากรรมเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกประเทศค่ะถ้าเราประมาทนะคะ

  • อย่าไว้ใจคนแปลกหน้า ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ถึงแม้จะเป็นเพื่อที่ไปรู้จักกันที่นู่น ผู้จัดการ หัวหน้างาน เพราะเราไม่รู้ว่าใครจะหวังดีกับเราได้จริงๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าให้เรามองทุกคนในแง่ลบหมดนะคะ เราต้องเลือกคบคนนะคะ

  • สิ่งของมีค่า เช่น Passport  เอกสารต่างๆ, โน้ตบุ๊ก, เงิน, บัตร Credit และ ATM เป็นไปได้ให้เอาติดตัวไว้ตลอด อย่าวางหรือเก็บไว้ที่บ้านหรือเก็บไว้ที่ที่เราไม่อยู่ด้วยตลอก เพราะการอยู่รวมกันหลายๆ คนเราไม่รู้ว่าใครเป็นยังไง และกรณีของหายกับน้องๆ โครงการเกิดขึ้นเป็นประจำ ดังนั้นเราต้องดูแลของมีค่าของเราให้ดีที่สุด โดยเฉพาะ Passport เพราะนั่นหมายถึงชีวิตของเราเลยก้อว่าได้ เพราะถ้า  Passport หายเราจะเข้าประเทศไทยไม่ได้ และอยู่อเมริกาต่อไม่ได้เช่นกัน

  • ต้องมีชื่อ เบอร์โทร อีเมล์ของนายจ้าง  เอเจนซี่ที่ดูแลเราที่นู่น เผื่อเรามีปัญหาเราต้องใช้ในการติดต่อและสามารถติดต่อได้ทันที

สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนเข้าร่วม Work and Travel

น้องๆหลายคนอาจจะสงสัยว่าพี่คะ เราต้องเตรียมอะไรไป Work บ้าง ในหัวข้อนี้จะบอกได้คลอบคลุมค่ะ ว่าน้องๆจะต้องเตรียมอะไรไปบ้างนะคะ ทั้งนี้รายละเอียดต่างๆมีดังนี้เลยค่ะ

- เตรียมร่างกาย เพราะว่าอากาศที่นู่นกับเมืองไทยไม่เหมือนกันแน่นอนค่ะ

- เราต้องมีการเช็คสภาพอากาศของเมืองที่เราจะไปตลอดเวลาก่อนไป

- ยารักษาโรค โดยเฉพาะ โรคประจำตัวของแต่ละคนนะคะ 
- เอกสารจำเป็นเช่น Passport และเอกสารที่เกี่ยวข้องกับโครงการ

- เสื้อผ้าที่เหมาะกับสภาพอากาศ แต่เราไม่ต้องเอาไปมากนะคะ เพราะไปที่นู่นแล้วเดี๋ยวน้องๆ ก็ไปหาซื้อกันค่ะ

- เตรียมใจค่ะ เพราะน้องบางคนไม่เคยไปต่างประเทศหรือไปต่างประเทศคนเดียว ไม่มีครอบครัวไปด้วย อาการเหงาและคิดถึงบ้าน ก็จะมีเป็นปกติ เพราะฉะนั้นน้องๆ ที่จะเข้าร่วมโครงการต้องทำใจตั้งแต่แรกแล้วว่าเราต้องไปอยู่ที่นู่นและใช้ชีวิตโดยที่ไม่มีครอบครัวอยู่ใกล้ๆ นะคะ

- อาหารแห้ง ย้ำอาหารแห้งนะคะ  และอาหารที่ยอดฮิตก็จะเป็น  มาม่า โจ๊กและน้ำพริกที่เป็นผงค่ะ เพราะแรกๆ เราอาจจะต้องพึ่งอาหารพวกนี้ในการแก้อาการคิดถึงอาหารไทยค่ะ และเป็นอาหารที่ทุ่นค่าใช้จ่ายให้เราได้ด้วยค่ะ เพราะอาหารไทยที่นู่นราคาค่อนข้างแพง

วันอังคารที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2554

งานสุด Cool!!! สำหรับ Work and Travel 2012

งานที่น้องๆส่วนใหญ่เลือกที่จะไปหาประสบการณ์นั้น สามารถเข้ามาอัพเดท
และลงทะเบียนสำหรับเช็คงานต่างๆได้กับทาง Office เราค่ะ


Welcome to PSTcenter Work and Travel


PST Center ได้รับการสนับสนุนและการยอมรับจากองค์กรระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ให้ดำเนินการจัดการโครงการ Work and Travel USA ในประเทศไทยขึ้นโดยเป็นโครงการแลกเปลี่ยนระดับอุดมศึกษาที่มีมานานกว่า 9 ปีในประเทศไทย ทั้งนี้มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมือง Austin มลรัฐ Texas และเมือง Southbury มลรัฐ Connectticut

โครงการ Work and Travel คืออะไร ?

Work and Travel คือ โครงการที่อยู่ภายใต้การดูแล และ ควบคุมของรัฐบาลอเมริกัน (U.S. Department of State) โดยมีวัตถุประสงค์ทางการศึกษาที่เน้นการฝึกอบรมและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม

Work and Travel เป็นโครงการที่ได้รับการยอมรับและเป็นที่รู้จักในระดับนานชาติ ทั้งเอเชีย ยุโรป ลาติน อเมริกา ออสเตรเลีย และประเทศอื่นๆทั่วโลก โดยมีนักศึกษาเข้าร่วมโครงการ Work and Travel มากกว่า 100,000 คนในแต่ละปี (The Most Popular Work and Travel Program in USA)

Work and Travel เป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้น้องๆนักศึกษาอายุระหว่าง 18-28 ปี   ได้มีโอกาสเรียนรู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่และวัฒนธรรมของชาวอเมริกัน  พร้อมทั้งเพิ่มพูนทักษะทางด้านภาษาอังกฤษผ่านการฝึกงานกับชาวอเมริกันในช่วงเดือน มี.ค.-มิ.ย. ของทุกๆปี ซึ่งจะมีสถานฑูตอเมริกาประจำประเทศไทยเป็นผู้ดำเนินการออก VISA ประเภท J-1 ซึ่งเป็น VISA สำหรับเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ฝึกงาน และท่องเที่ยวในอเมริกาได้สูงสุด 4 เดือน


วัตถุประสงค์ของโครงการ Work and Travel

01. เปิดโอกาสให้แก่นักศึกษาได้เรียนรู้การดำเนินชีวิตระหว่างปิดภาคเรียนในอเมริกา และสามารถเรียนรู้การทำงานของชาวอเมริกันในสถานการณ์จริง เพื่อที่จะได้ประสบการณ์ในการทำงานและนำไปใช้เป็นประโยชน์ได้ในอนาคต

02. เปิดโอกาสให้น้องๆโอกาสฝึกทักษะการเรียนรู้ทางด้านการใช้ภาษาอังกฤษจากชาวอเมริกันโดยตรง เพื่อให้เกิดความชำนาญเพิ่มขึ้น เป็นการสะสมประสบการณ์ในต่างแดน และสามารถนำเอามาปรับใช้ให้เป็นประโยชน์ภายหลังจบการศึกษา

03. เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ท่องเที่ยวในประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากสิ้นสุดโครงการ โดยรัฐบาล จะอนุญาตให้ท่องเที่ยวได้เป็นระยะเวลาสูงสุด 4 สัปดาห์