วันพุธที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ใครจะดูแลเราเมื่อยู่ที่ America

เอเจนซี่ที่อเมริกาของน้องๆ เองที่เป็นคนที่จะดูแล
ละช่วยเหลือน้องๆ ทุกอย่าง ทุกเรื่องค่ะ

ฉะนั้นเมื่อเกิดปัญหาไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่เราต้องคอยปรึกษา
และแจ้งเค้าตลอดนะคะ เพราะเมื่อถึงเวลาที่มีปัญหานั้น






เอเจนซี่จะเป็นเสมือนผู้ปกครองหรือคุณพ่อ คุณแม่คนที่สองของเราค่ะ

การทำ Social Card สำหรับน้องๆที่เข้าร่วมโครงการ


การทำ Social Card นั้นโดยปกติแล้วนายจ้างจะเป็นคนพาไปทำภายในสองอาทิตย์ค่ะ แต่ถ้าหากนายจ้างไม่ว่าง นายจ้างจะต้องแนะนำที่ที่เราสามารถทำ Social Card ได้ แล้วให้เรารวมกลุ่มไปทำกับเพื่อนๆ เองค่ะ ถ้าหากครบสองอาทิตย์แล้วยังไม่ได้ทำ ให้น้องๆ สอบถามทางนายจ้างได้เลยนะคะ ว่าจะพาไปหรือจะให้ไปทำเอง เพราะนายจ้างบางที่มีงานมาก นายจ้างอาจจะหลงลืมได้ ดังนั้นเราต้องเป็นคนถามเค้าเพราะ Social Card เป็นสิ่งสำคัญมากในการทำงาน หากน้องๆ คนไหนไม่ได้ทำ Social Card แล้ว น้องๆก็ไม่สารถหางานที่สอง หรือ สาม ได้

เอกสารที่ต้องใช้ในการทำ Social Card ประกอบไปด้วย Passport, DS2019, Letter from Agency at America และการเข้าไปออนไลน์ข้อมูลการมาถึงและการเข้าอเมริกาในเวปไซต์ของเอเจนซี่ที่อเมริกาของน้องๆ เองด้วยนะคะ เพราะถึงแม้เอกสารจะครบแต่น้องๆ ยังไม่ได้ออนไลน์การเข้าแระเทศ เมื่อเค้าตรวจสอบระบบจะไม่มีข้อมูลการเข้าประเทศของเรา จึงไม่สามารถทำ Social Card ได้นะคะ

เมื่อไม่สบายตอนไป Work and Travel จะทำยังไง


ในกรณีที่น้องๆไม่สบายหรือต้องได้รับการรักษาหรือต้องเข้าโรงพยาบาล ปกติแล้วน้องๆจะได้รับการทำประกันจากทางเอเจนซี่อยู่แล้ว โดยบางเอเจนซี่ก้อจะมีบัตรหรือข้อมูลติดต่อกับบริษัทประกันที่นู่นให้น้องๆค่ะ เมื่อน้องๆต้องเข้าโรงพยาบาลหรือต้องได้รับการรักษาน้องจะต้องติดต่อกับทางบริษัทประกันโดยตรงเพื่อแจ้งเค้าว่าเราได้เข้ามารักษาที่ไหนยังไง แต่การรับการรักษาจะมีเงื่อนไขอยู่ว่า น้องๆ จะได้รับอะไรบ้างจาก Hand Book ที่เอเจนซี่ให้ตอนก่อนเดินทางอยู่แล้ว

น้องๆสามารถเข้าไปดูในเวปไซต์ของทางบริษัทประกันค่ะ และช่วงที่น้องๆติดต่อกับบริษัทประกัน น้องๆ ต้องมีการแจ้งให้ทางเอเจนซี่ที่อเมริกาทราบตลอดเวลา ว่าเรามารักษาวันไหน ยังไง คือต้องรายงานเค้าตลอดค่ะ  เนื่องจากว่าเอเจนซี่ที่เอมริกาเป็นเสมือนพ่อ แม่คนที่สองของเรา ที่มีหน้าที่ดูแลเราทุกอย่าง ไม่ว่าเราจะมีปัญหาอะไร มากหรือน้อยแค่ไหน เราต้องรายงานให้เค้าทราบนะคะ เพราะเค้าจะเป็นคนที่แก้ไขปัญหาและช่วยเหลือเราทุกอย่างค่ะ

วันอังคารที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2554

Work and Travel โครงการ พาเด็กนักศึกษาไปตาย

หลายๆกระแสที่มีต่อโครงการนั้น มีทั้งทางลบและทางบวก และกระแสที่เป็นข่าวร้อนที่สุดในปี 2011 นี้ก็คงหนีไม่พ้นข่าวของน้องกาว นักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งได้เข้าร่วมโครงการและเสียชีวิตจากโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ซึ่งทาง PST Center หนึ่งในเอเจนซี่ของโครงการนี้ ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวและคนที่รักน้องกาวมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ


อีกหลายๆ กระแสของน้องๆ รุ่นก่อนที่เกิดอุบัติเหตุระหว่างการทำงาน จึงทำให้ทั้งผู้ปกครองและน้องๆ เองมีความรู้สึกว่า โครงการ Work and Travel เป็นโครงการที่พานักศึกษาไปตาย ซึ่งฟังดูค่อนข้างจะรุนแรง แต่ทั้งนี้ก็มีหลายปัจจัยและหลายสาเหตุนะคะ มองในด้านนักศึกษาคือ น้องๆ อาจอยากจะไปโครงการนี้มาก จนต้องปิดบังข้อมูลเกี่ยวกับโรคประจำตัว ประวัติการรักษา ซึ่งต้องขอบอกก่อนนะคะว่า เป็นสิ่งที่เสี่ยงมาก เพราะถ้าน้องๆ เดินทางไปทำงานที่อเมริกาโดยที่น้องอาจจะเป็นโรคแพ้อากาศ หรือสารเคมี หรือบางคนอาจจะแพ้อาหารบางชนิด และต้องไปเจอ สิ่งเหล่านี้โดยเลี่ยงไม่ได้ อันตรายก็จะเกิดกับตัวน้องๆ เอง บางคนอาจถึงขั้นเสียชีวิต ดังนั้น ในการสมัครเข้าร่วมโครงการ น้องๆ ควรให้ข้อมูลที่เป็นจริง และครบถ้วน เพราะจะเป็นการช่วยให้น้องๆ ไม่ต้องไปประสบกับสิ่งที่ทำให้เกิดอันตรายกับเราได้

ด้านเอเจนซี่ บางเอเจนซี่ก็ละเลยที่จะสอบถามข้อมูลหรือให้คำแนะนำ น้องๆ ในการดูแลตัวเอง พร้อมทั้งเรื่องของสิทธิ์ประกันสุขภาพที่น้องได้รับ อีกอย่างการให้คำแนะนำเรื่องงานจะเป็นอีกทางหนึ่งที่จะรู้ได้ว่าน้องๆ คนไหนแพ้ หรือ ไม่สามารถทำงานไหนได้ เพราะอาจเกิดอันตรายกับตัวน้องๆ เอง ดังนั้นทางเอเจนซี่เองก็ต้องสอบถามข้อมูลจากน้องๆ อย่างละเอียดก่อนจะแนะนำงานหรือให้น้องๆ เลือกงานด้วยเช่นกัน

วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ไป Work กับ PST ดีไหม???


บริษัท PST Center เป็นบริษัทที่น้องให้ความสนใจในการเข้าร่วมโครงการอีกบริษัทหนึ่ง เช่นกันแต่ละบริษัทก็จะมีน้องๆ ที่เคยไปมา แต่ละคนก็ได้รับประสบการณ์จากบริษัทนั้นๆ มาต่างกัน ขึ้นอยู่กับมุมมองของน้องๆ

เช่นกัน PST Center เป็นบริษัทที่น้องๆ หลายคนมีความประทับในทั้งในการบริการ การให้คำปรึกษา การดูแลและการช่วยเหลือเท่าที่จะทำด้วย ที่นี่น้องๆจะรู้สึกว่าเป็นกันเอง มีความจริงใจ บริษัท PST Center มี 2 สาขาคือที่เชียงใหม่และกรุงเทพ การให้บริการและข้อมูล รวมถึงงานก็จะเป็นแบบเดียวกัน แต่สิ่งที่ทางบริษัทให้ความสำคัญมากคือการบริการ  การให้ข้อมูลที่เป็นจริง การให้คำปรึกษาน้องๆ เกี่ยวกับงาน และการใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกา เรามีการติดตามข่าวคราวของน้องๆอยู่ตลอดเวลา
ดังนั้นทั้งน้องและผู้ปกครองก็จะมีความไว้วางใจที่จะเลือก PST Center เป็นบริษัทในการเข้าร่วมโครงการอีกบริษัทหนึ่ง

ไป Work and Travel คุ้มจริงเหรอ???

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนนะคะ  วัตถุประสงค์ในการเข้าร่วมโครงการ คือเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนนักศึกษาระหว่างประเทศอเมริกากับหลายๆ ประเทศ ในด้าน วัฒนธรรม ภาษา  ประสบการณ์ การดำรงชีวิตของนักศึกษาแต่ละประเทศ  ดังนั้น การทำงานเป็นการช่วยให้น้องๆ มีรายได้ระหว่างที่อยู่อเมริกาและการเที่ยวเป็นการให้น้องๆ ได้พักผ่อนและได้ใช้ชีวิตไปในรัฐต่างๆ ซึ่งจะทำให้น้องๆ ได้เจอผู้คนมากมาย  การทีน้องๆ เข้าร่วมโครงการเป็นสิ่งที่คุ้มค่าและเป็นกำไรชีวิตของน้องๆ ในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยในต่างแดน แต่ถ้าหมายถึง รายได้นั้น น้องๆ หลายคนอาจมองแค่ว่าไปโครงการ Work and Travel นั้น เป็นการไปทำงานหาเงินช่วงปิดเทอม ซึ่งค่อนข้างจะเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะอย่างที่บอกการทำงานเป็นการทำให้น้องๆ มีรายได้ระหว่างที่อยู่ที่อเมริกา ไม่ว่าน้องๆ จะได้เงินกลับมามากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับการจัดการกับค่าใช้จ่ายของน้องๆ เอง  การที่น้องๆ ได้เงินมาน้อยหรือแทบจะไม่เหลือมาเลยไม่ได้หมายความว่าน้องๆ ขาดทุนหรือคุ้มไม่คุ้มกับการเข้าร่วมโครงการ แต่สิ่งที่น้องได้คือ ประสบการณ์ ภาษา วัฒนธรรมของเพื่อนๆ ต่างชาติ ได้เพื่อนใหม่ ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตด้วยตัวเอง การหาเงินด้วยตัวเอง การจัดการชีวิตของตัวเองเมื่อเราไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ หรือมีพ่อแม่คอยดูแลตลอดเวลา สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่เรียกว่าคุ้มเกินคุ้มกับชีวิตของน้องๆ นะคะ การกลับมาจากโครงการสิ่งที่ถือว่าบรรลุเป้าหมายของโครงการคือการที่น้องๆ ได้ประสบการณ์ต่างๆ กลับมา ไม่ได้วัดที่เม็ดเงิน  อีกอย่าง ยิ่งน้องๆ คนไหนสามารถหางานที่ 2,3 หรือมากกว่านั้นได้นั้นก็ถือว่าเป็นกำไรและความสามารถของน้องเองนะคะ ถ้าหากน้องคนไหนเคยมองว่าการเข้าร่วมโครงการ Work and Travel คือการไปหาเงินแล้วต้องได้กำไรมานั้น พี่ขอให้คิดใหม่นะคะ เม็ดเงินที่เราได้เป็นเพียงผลพลอยได้เท่านั้นค่ะ

งานสวนสนุก Six flags ดีจริงเหรอ????


งาน สวนสนุก เป็นอีกงานที่น้องหลายๆ คนอยากไปเพราะในสวนสนุกไม่ได้มีแค่งานจำหน่ายตั๋ว งานคุมเครื่องเล่นเท่านั้น ยังมีงาน จำพวกร้านอาหาร ขายขนม เครื่องดื่ม รวมถึงขายของที่ระลึกด้วย ในการทำงานก็จะเป็นแบบทำงานประจำหน้าที่ ทำงานเป็นกะ มีความอดทน สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดีสามารถแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ เป็นคนที่มีความรอบคอบสูง เพราะงานบางงาน อย่างเช่น งานคุมเครื่องเล่น ต้องใช้ความระมัดระวังสูงมาก อาจเกิดอันตรายได้ตลอด ถ้าเราไม่ระวังเราอาจได้รับอันตรายได้ง่าย นะคะ แต่การที่ได้เจอผู้คนมากๆ การได้ฝึกภาษา และได้สวัสดิการในการเล่นเครื่องเล่นฟรีหรือในราคาพนักงานนั้น ทำให้น้องๆ หลายคนอยากไปงานนี้มากค่ะ